- เข้าระบบล่าสุด
- 3-8-2016
- เวลาออนไลน์
- 6662 ชั่วโมง
- ความดี
- 295
- เงินอีแปะ
- 601
- วันที่ลงทะเบียน
- 5-6-2008
- ระดับการเข้าชม
- 30
- โพสต์
- 1362
- กระทู้สำคัญ
- 0
- เครดิต
- 295
- UID
- 57

อัพเกรด   47.5% - เข้าระบบล่าสุด
- 3-8-2016
- เวลาออนไลน์
- 6662 ชั่วโมง
- ความดี
- 295
- เงินอีแปะ
- 601
- วันที่ลงทะเบียน
- 5-6-2008
- ระดับการเข้าชม
- 30
- โพสต์
- 1362
- กระทู้สำคัญ
- 0
- เครดิต
- 295
- UID
- 57
|
มนุษย์ที่หนีรอดมาสู่ดินแดนแห่ง Almighty พบว่าผืนดินแห่งนี้เทพ Vala หรือ AlaV ได้มาสร้างไว้นานแล้ว และยังมีดินแดน Caernarvon ที่กว้างขวางรองรับการขยายตัวของมนุษย์ในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ AlaV ได้ตระหนักแล้วว่าซักวันหนึ่ง คงต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นและเชื่อว่าซักวันมนุษย์จะสามารถใช้อัญศิลาได้เพื่อป้องกันตนเองจากเผ่า Guardian และใช้ประดิษฐ์สรรพสิ่งทั้งปวงได้
หลังจากมนุษย์ได้ย่างกรายเข้ามา ณ ที่แห่งนี้แล้ว ในช่วงปีแรก ต่างก็เร่งสร้างบ้านสร้างเมืองตามวิถีของตน ถึงแม้จะมีอัญศิลาแต่ก็ยังไม่พบวิธีใช้มัน แต่ทว่าเมล็ดพันธุ์บางอย่างที่เคยถูกหว่านไว้ก็เริ่มให้ผล มนุษย์ส่วนหนึ่งที่ถูกรังสี Noise-Cell ก็เริ่มเกิดความผิดปกติทางร่างกาย โดยรังสี Noise-Cell นั้นผลของมันนอกจากทำให้เกิดความผิดเพี้ยนทางกายภาพแล้วขณะเดียวกันจะทำหน้าที่เป็น Marker หรือตัวชี้ตำแหน่งเช่นกัน โดยการส่งกระแสคลื่นนาโนไปกระเพื่อมต่อชั้นบรรยากาศและกระเพื่่อมไปยังชั้นของแกแลคซี่และส่งต่อไปยังชั้นของบับเบิลทำให้ยาน Guardian สามารถแสกนตำแหน่งเจอหากเข้ามาใกล้บับเบิลที่มี Marker อยู่ ส่วนการจะตรวจสอบว่า Marker อยู่ดาวดวงไหนนั้นจะใช้เทคโนโลยี Galaxy Scan ค้นหาเอาอีกที
ในช่วงเวลา 100 ปีมนุษย์ที่มีความผิดปกติทางร่างกายก็เริ่มแยกตัวออกจากมนุษย์ปกติเพราะเริ่มถูกกีดกันและต่อต้านและถูกเรียกว่า "อสูร" มีการแย่งชิงที่ทำมาหากินกันจนเกิดเป็นสงครามย่อยๆ จนวันหนึ่งเหล่าอสูรมีความเห็นว่ามนุษย์ไม่ควรครอบครองอัญศิลาไว้แต่เพียงผู้เดียวเพราะฝ่ายอสูรสังเกตว่าอัญศิลาอยู่ที่ใด ดินแดนแห่งนั้นจะอุดมสมบูรณ์ ฝ่ายดินแดนของอสูรจึงมีแต่ความแห้งแล้ง เหล่อสูรจึงได้เดินทางมาเพื่อขออัญศิลาไปครอบครองบ้าง แต่มนุษย์มิได้ตกลงจึงเกิดสงครามแย่งชิงอัญศิลาขึ้น
ในระหว่างที่สงครามระหว่างมนุษย์และอสูรกำลังดำเนินถึงขีดสุดนั้น ฉับพลันก็ได้เกิดสายฟ้าผ่าลงมาที่อัญศิลาและทำให้มันแตกออกเป็น 3 ส่วน ส่วนหนึ่งตกไปทางฝั่งมนุษย์ ส่วนหนึ่งตกไปทางฝั่งอสูร และส่วนสุดท้ายได้พุ่งไปชนกับดวงตาสวรรค์ ทำให้ประตูมิติในดวงตาสวรรค์ปั่นป่วนเกิดช่องว่างระหว่างมิติมากมายมีสัตว์ประหลาดและปิศาจหลุดเข้ามายังดินแดน Almighty และหลั่งไหลไปสู่ดินแดน Caernarvon เป็นจำนวนมาก มนุษย์และอสูรที่กำลังรบพุ่งกันอยู่นั้นจึงต้องพักรบชั่วคราวและหันกลับมารับศึกที่ไม่ได้รับเชิญจากภายนอก
การกำจัดศัตรูจากภายนอกดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่ทว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นเมื่อจอมอสูร Diablo จากมิติคู่ขนานหลุดออกมา มนุษย์และอสูรที่เสียกำลังพลไปมากแล้วนั้นเริ่มหมดหนทาง ณ ช่วงเวลาที่สับสนนั้นเอง ได้มีเสียงคล้ายเสียงของ AlaV ดังออกมาจากอัญศิลาว่า "นำอัญศิลาไปผนึกที่ขอบประตูดวงตาสวรรค์จะทำให้พลังของปิศาจร้ายลดลงไปครึ่งหนึ่ง" มนุษย์และอสูรจึงตัดสินใจนำเศษอัญศิลาสองส่วนไปผนึกไว้ที่ขอบประตูดวงตาสวรรค์ โดยแม่ทัพฝั่งมนุษย์นามว่า Mihael และจอมทัพฝ่ายอสูรนามว่า Rotale ได้ร่วมกันใช้กำลังทั้งหมดเพื่อเข้าถึงประตูดวงตาสวรรค์แต่แล้ว Mihale ได้ถูกจอมอสูร Diablo โจมตีจนเสียตาไปข้างหนึ่ง
นั่นคงเป็นแผนของ Mihael ที่หลอกล่อจอมอสูรเพื่อเปิดโอกาสให้ Rotale และได้ฉวยโอกาสนี้ขว้างเศษอัญศิลาส่วนที่เหลือให้กับ Rotale จอมอสูร Diablo เห็นว่าตนกำลังถูกหลอก จึงได้ร่ายมหาเวท Meteor เพื่อเผาผลาญ Almighty และ Caernarvon ให้ราบพนาสูญ Rotale เห็นท่าไม่ดีจึงเร่งใช้ความไวเข้าประชิดดวงตาสวรรค์ได้ทันและในเสี้ยววินาทีที่จะผนึกเศษอัญศิลานั้น จอมอสูร Diablo ได้ร่าย Meteor ขั้นสูงสุดได้สำเร็จก่อน
ท้องฟ้าทั่วดินแดน Almighty มืดครึ้ม มีแสงดวงสีแดงบนฟากฟ้าจำนวนมาก ก่อเกิดเป็นดาวตกไปทั่วท้องฟ้า ฤาดินแดน Almighty นี้จะสิ้นสูญด้วยมหาเวท Meteor เสียแล้ว แต่ก่อนที่ดาวตกจะถาโถมลงสู่พื้นดิน Almighty นั้น Rotale ได้ผนึกเศษอัญศิลาลงสู่ขอบดวงตาสวรรค์ได้ทัน ทำให้พลังทำลายล้างของมหาเวท Meteor ที่ตกลงมานั้นมีอานุภาพลดลง ยังความเสียหายแก่ดินแดน Almighty และ Caernarvon เพียงบางส่วนเท่านั้น
[ แก้ไขล่าสุด snowblack เมื่อ 27-5-2010 19:36 ] |
|